กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในบึงใหญ่แห่งหนึ่ง มีกบจำนวนมากอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข แม้ว่าจะไม่มีใครมาเป็นผู้นำพวกมัน แต่พวกกบก็อยู่ร่วมกันอย่างราบรื่น วันหนึ่งพวกกบเกิดความคิดขึ้นมาว่า พวกมันควรมี “นาย” หรือผู้นำที่คอยปกครองและดูแลพวกมัน เพื่อให้มีชีวิตที่ดีและมั่นคงมากยิ่งขึ้น
พวกกบจึงพากันไปขอพรจากเทพเจ้า พวกมันร้องขอให้นายมาปกครองพวกมัน เทพเจ้าผู้ใจดีรับฟังคำขอของพวกกบและตัดสินใจจะมอบนายให้พวกมัน แต่แทนที่จะส่งใครสักคนมาเป็นนาย เทพเจ้ากลับโยนท่อนไม้ใหญ่ลงไปในบึง เสียงท่อนไม้ตกน้ำดังสนั่นทำให้พวกกบตกใจพากันหนีกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง
เมื่อพวกกบเห็นว่าท่อนไม้ไม่ได้ขยับหรือทำอะไร พวกมันจึงค่อย ๆ กลับมาและเริ่มสำรวจท่อนไม้นั้น เมื่อรู้ว่าท่อนไม้ไม่ได้มีอันตรายอะไร พวกมันก็เริ่มกระโดดขึ้นไปบนท่อนไม้และใช้มันเป็นที่พักผ่อน ทว่าหลังจากเวลาผ่านไป พวกกบเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่พอใจ ท่อนไม้ไม่ได้ทำอะไรเพื่อพวกมันเลย มันเพียงแค่ลอยอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ปกครองหรือดูแลพวกมันอย่างที่พวกมันคาดหวัง
พวกกบจึงไปหาเทพเจ้าอีกครั้งและร้องขอให้ส่งนายที่แข็งแกร่งและมีชีวิตชีวามากกว่านี้มาปกครองพวกมัน เทพเจ้าจึงตัดสินใจส่งนกกระสาตัวหนึ่งลงมาเป็นนายใหม่ของพวกกบ
นกกระสาที่ถูกส่งมามีนิสัยต่างจากท่อนไม้อย่างสิ้นเชิง มันเป็นนกที่คล่องแคล่วว่องไว และมันก็เริ่มปกครองพวกกบทันที แต่แทนที่จะดูแลและปกป้องพวกกบ นกกระสากลับเริ่มจับกบกินเป็นอาหาร พวกกบหวาดกลัวและพยายามหนี แต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นจากนกกระสาที่ไล่ล่าพวกมันได้
พวกกบที่เหลือจึงตระหนักว่าพวกมันทำผิดพลาดที่ไม่พอใจกับนายคนแรกที่เทพเจ้ามอบให้ เมื่อพวกมันขอพรจากเทพเจ้าอีกครั้งเพื่อให้นกกระสาถูกกำจัดออกไป เทพเจ้ากลับไม่ตอบสนองใด ๆ พวกกบต้องอยู่ภายใต้การปกครองของนกกระสาที่น่ากลัวต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า: บางครั้งสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว แม้ว่าจะดูธรรมดาหรือไม่น่าพอใจ อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา หากเราขาดความอดทนและไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่ แล้วต้องการสิ่งที่ดีกว่า เราอาจจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่แย่กว่าเดิม เราจึงควรระวังในสิ่งที่เราปรารถนาและพึงพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ในชีวิต