กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในบ้านหลังหนึ่งที่เต็มไปด้วยอาหารและความอบอุ่น มีหนูจำนวนมากอาศัยอยู่ หนูเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คอยแอบกินเศษอาหารที่เจ้าของบ้านทิ้งไว้ให้โดยไม่ต้องกลัวอะไรเลย แต่ความสงบสุขของพวกหนูไม่ได้ยืนยาวนานนัก เพราะเจ้าของบ้านได้นำแมวตัวใหม่เข้ามาเลี้ยงในบ้าน
แมวตัวนี้เป็นนักล่าที่เก่งกาจ มันคอยจับหนูทุกครั้งที่พวกมันออกมาหาอาหาร พวกหนูเริ่มหวาดกลัวและไม่กล้าออกจากที่ซ่อน หนูหลายตัวถูกจับและกลายเป็นอาหารของแมว สถานการณ์นี้ทำให้พวกหนูต้องหาทางออก พวกมันจึงจัดการประชุมเพื่อวางแผนเอาตัวรอด
ในที่ประชุม หนูแต่ละตัวเสนอความคิดที่แตกต่างกันไป บางตัวเสนอให้ขุดโพรงลึกลงไปใต้ดินเพื่อซ่อนตัวจากแมว บางตัวเสนอให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นที่ปลอดภัยกว่า แต่ในที่สุด หนูหนุ่มตัวหนึ่งก็เสนอไอเดียที่ดูจะเป็นไปได้มากที่สุด หนูตัวนั้นบอกว่า “ถ้าเราผูกกระดิ่งไว้ที่คอแมว เวลามันเดินเข้ามา เราจะได้ยินเสียงกระดิ่งและหนีไปซ่อนตัวได้ทัน”
ทุกตัวในที่ประชุมต่างก็เห็นด้วยกับแผนการนี้ และคิดว่ามันเป็นแผนที่ยอดเยี่ยมที่สุด พวกมันตัดสินใจจะหากระดิ่งมาผูกที่คอแมวในทันที แต่เมื่อถึงเวลาต้องเลือกใครสักคนไปทำหน้าที่นี้ หนูทุกตัวก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าเสี่ยงชีวิตไปผูกกระดิ่งที่คอแมว เพราะพวกมันรู้ว่า แมวตัวนั้นรวดเร็วและอันตรายเพียงใด
ในที่สุด แผนการของพวกหนูก็ล้มเหลว พวกมันไม่สามารถหาทางเอาตัวรอดจากแมวได้ และต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า: การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความสำเร็จของแผนนั้นขึ้นอยู่กับการลงมือทำจริงด้วย การมีไอเดียที่ดีไม่มีความหมาย หากไม่มีใครกล้าลงมือทำ สิ่งที่สำคัญคือการประเมินความสามารถและความเสี่ยง ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือทำอะไรสักอย่าง