อาชีพในสายสุขภาพจิต: นักจิตวิทยาและจิตแพทย์ บทบาท ทักษะ และเส้นทางการศึกษาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยด้านจิตใจและอารมณ์ พร้อมรายได้และโอกาสในอนาคตอาชีพในสายสุขภาพจิต (Psychologist/Psychiatrist)

อาชีพในสายสุขภาพจิต เป็นการดูแลและให้คำปรึกษาด้านจิตใจและอารมณ์แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ แบ่งออกเป็น 2 สายงานหลัก ได้แก่ นักจิตวิทยา (Psychologist) และ จิตแพทย์ (Psychiatrist) ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันแต่แตกต่างกันในแง่การศึกษาและวิธีการรักษา


นักจิตวิทยา เป็นผู้ที่ศึกษาพฤติกรรม ความคิด และอารมณ์ของมนุษย์ เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือปัญหาความสัมพันธ์

บทบาทของนักจิตวิทยา:

  • ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาด้านจิตใจ
  • ใช้แบบทดสอบทางจิตวิทยาในการวิเคราะห์ปัญหา
  • พัฒนากลยุทธ์เพื่อช่วยผู้ป่วยจัดการกับปัญหาชีวิต

ข้อดีของนักจิตวิทยา:

  • ไม่จำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาด้านจิตใจระดับเบาหรือปานกลาง

รายได้เฉลี่ย:

  • 25,000 – 60,000 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และสถานที่ทำงาน)

จิตแพทย์ คือแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านจิตเวช สามารถวินิจฉัยและรักษาโรคทางจิตเวชที่ซับซ้อน รวมถึงสั่งจ่ายยาเพื่อช่วยฟื้นฟูสมดุลของสารเคมีในสมอง

บทบาทของจิตแพทย์:

  • วินิจฉัยโรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ หรือโรควิตกกังวล
  • ใช้การรักษาแบบผสมผสานระหว่างการพูดคุยและการใช้ยา
  • ติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ข้อดีของจิตแพทย์:

  • เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาระดับลึกซึ้ง
  • มีความสามารถในการรักษาโรคทางจิตเวชที่รุนแรง

รายได้เฉลี่ย:

  • 70,000 – 200,000 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และสถานพยาบาล)

ความแตกต่างระหว่างนักจิตวิทยาและจิตแพทย์

คุณสมบัตินักจิตวิทยา (Psychologist)จิตแพทย์ (Psychiatrist)
การศึกษาปริญญาโท/เอกด้านจิตวิทยาปริญญาตรีแพทยศาสตร์ + จิตเวชศาสตร์
การรักษาใช้การพูดคุยและเทคนิคการให้คำปรึกษาใช้การพูดคุยและการรักษาด้วยยา
ความเชี่ยวชาญปัญหาทางจิตใจทั่วไปโรคทางจิตเวชที่ซับซ้อน
การสั่งจ่ายยาไม่สามารถสั่งยาได้สามารถสั่งยาได้

  1. ความเข้าใจในมนุษย์:
    • เข้าใจพฤติกรรม ความรู้สึก และปัญหาที่ผู้ป่วยเผชิญ
  2. ทักษะการสื่อสาร:
    • ฟังอย่างลึกซึ้งและให้คำปรึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ความอดทนและเห็นอกเห็นใจ:
    • มีความอดทนในการจัดการปัญหาที่หลากหลายของผู้ป่วย
  4. ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์:
    • สำหรับจิตแพทย์ ต้องมีความรู้ด้านชีวเคมีและการใช้ยา

สำหรับนักจิตวิทยา (Psychologist):

  1. สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในสาขาจิตวิทยา
  2. เรียนต่อปริญญาโทหรือปริญญาเอกในสาขาจิตวิทยาคลินิกหรือจิตวิทยาให้คำปรึกษา
  3. เก็บชั่วโมงการฝึกปฏิบัติในสถานพยาบาลหรือศูนย์ให้คำปรึกษา

สำหรับจิตแพทย์ (Psychiatrist):

  1. สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในสาขาแพทยศาสตร์
  2. เข้ารับการฝึกอบรมเฉพาะทางในสาขาจิตเวชศาสตร์ (Psychiatry)
  3. สอบใบประกอบวิชาชีพเพื่อทำงานเป็นจิตแพทย์

  • มีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วยให้ดีขึ้น
  • เป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงในปัจจุบัน
  • สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น คลินิก โรงพยาบาล หรืออิสระ

  • ความเครียดจากการรับฟังปัญหาที่หลากหลาย
  • ชั่วโมงการทำงานอาจยาวนานในบางกรณี
  • ต้องการการศึกษาสูงและการฝึกฝนเฉพาะทาง