kruparw

kruparw

นิทาน ไก่กับพระอาทิตย์ [The story of the chicken and the sun]

ไก่กับพระอาทิตย์

กาลครั้งหนึ่ง มีไก่ตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในฟาร์ม มันเป็นไก่ที่มีนิสัยชอบขันทุกเช้าตรู่ ไก่ตัวนี้เชื่อว่าเมื่อมันขัน พระอาทิตย์จึงจะขึ้นมาให้แสงสว่างและเริ่มต้นวันใหม่ ไก่จึงขันอย่างตั้งใจทุกเช้าโดยไม่ขาด เชื่อมั่นว่าตนเองเป็นผู้ทำให้โลกสว่างและพระอาทิตย์ขึ้น วันหนึ่ง ไก่ตื่นสายและไม่ทันได้ขันในเวลาปกติ มันรู้สึกกังวลใจอย่างมาก เพราะคิดว่าถ้าตนไม่ขัน พระอาทิตย์จะไม่ขึ้น แต่แล้วเมื่อมันออกมานอกเล้า มันก็พบว่าพระอาทิตย์ขึ้นมาแล้วโดยที่ไม่ต้องอาศัยเสียงขันของมันเลย ไก่รู้สึกตกใจและอายที่ตัวเองเคยเข้าใจผิดมาตลอด มันจึงได้เรียนรู้ว่าโลกยังคงดำเนินไปตามวิถีของมันเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตนแต่อย่างใด ข้อคิด:นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราไม่ควรคิดว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง เพราะบางครั้งสิ่งต่างๆ ในโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา ความถ่อมตนและการเข้าใจในความเป็นจริงจะช่วยให้เรามีชีวิตที่สงบสุขยิ่งขึ้น

นิทาน ลากับหนังสิงโต [The story of the donkey and the lion skin]

ลากับหนังสิงโต

กาลครั้งหนึ่ง มีลาตัวหนึ่งที่มักรู้สึกด้อยค่าตัวเอง มันคิดว่าไม่มีใครกลัวมันเพราะมันเป็นเพียงแค่ลา วันหนึ่ง ลาเดินไปเจอหนังสิงโตที่ชาวนายิงทิ้งไว้ หนังสิงโตนั้นดูน่าเกรงขามมาก ลาจึงเกิดความคิดว่า ถ้าหากมันใส่หนังสิงโตนี้ มันจะดูเหมือนสิงโตและทำให้สัตว์ทั้งหลายหวาดกลัว ลาใส่หนังสิงโตคลุมตัวเองไว้และเริ่มเดินไปรอบๆ ป่า สัตว์ต่างๆ ที่เห็นลาคลุมหนังสิงโตต่างก็วิ่งหนีด้วยความตกใจ เพราะคิดว่าเป็นสิงโตจริงๆ ลารู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก มันเริ่มคุยโวและส่งเสียงร้องดังลั่น แต่ทันทีที่มันอ้าปากร้อง เสียงที่ออกมานั้นเป็นเสียงร้องของลาไม่ใช่สิงโต สัตว์ทั้งหลายที่วิ่งหนีจึงรู้ความจริง และกลับมาหัวเราะเยาะลาอย่างสนุกสนาน ในที่สุด ชาวนาที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็เข้ามาถอดหนังสิงโตออกจากตัวลาและสั่งสอนว่า “เจ้าจะเป็นใครก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง การปลอมตัวเป็นสิ่งที่เจ้าไม่ใช่นั้นจะนำมาซึ่งความอับอาย” ข้อคิด:นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การพยายามปลอมตัวเป็นสิ่งที่เราไม่ใช่ หรือการพยายามหลอกลวงผู้อื่นเพื่อให้ได้ความเคารพหรือความกลัว ไม่สามารถทำได้ยาวนาน สุดท้ายความจริงจะปรากฏ และเราจะได้รับความอับอายกลับมาแทน

นิทาน มดกับตั๊กแตน : The story of the ant and the grasshopper

มดกับตั๊กแตน

กาลครั้งหนึ่งในฤดูร้อนอันอบอุ่น มดขยันขันแข็งตัวหนึ่งกำลังทำงานเก็บเมล็ดพืชและอาหารเข้าสู่รังของมันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง มันทำงานไม่หยุดหย่อน เดินไปกลับระหว่างรังกับทุ่งหญ้าด้วยความขยันขันแข็ง ในเวลาเดียวกัน ตั๊กแตนซึ่งชอบเล่นดนตรีและร้องเพลง ไม่สนใจที่จะทำงานหรือเก็บอาหาร มันร้องเพลงอย่างสนุกสนานและหัวเราะเยาะมด “ทำไมเจ้าต้องทำงานหนักในวันที่อากาศดีอย่างนี้? มาพักผ่อนและร้องเพลงกับข้าดีกว่า!” มดตอบกลับอย่างสงบว่า “ข้ากำลังเตรียมอาหารไว้สำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึง ถ้าเจ้าไม่เตรียมตัวไว้ เจ้าจะไม่มีอาหารกินเมื่อลมหนาวพัดมา” ตั๊กแตนยังคงหัวเราะเยาะมดและพูดว่า “ฤดูหนาวยังอีกนาน ข้าไม่จำเป็นต้องกังวล” จากนั้นมันก็เล่นดนตรีต่อไปโดยไม่สนใจคำเตือนของมด เวลาผ่านไป ฤดูหนาวมาถึง ทุ่งหญ้ากลายเป็นน้ำแข็งและอาหารหายาก ตั๊กแตนที่ไม่ได้เตรียมอาหารไว้ก็เริ่มรู้สึกหิว มันจึงไปหามดและขอแบ่งปันอาหาร มดที่เตรียมอาหารไว้อย่างเพียงพอ สามารถอยู่รอดได้ในฤดูหนาว แต่ตั๊กแตนกลับต้องทนกับความหนาวและหิวโหยเพราะความประมาทของตนเอง ข้อคิด:นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การขยันทำงานและเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ อย่ามัวแต่สนุกสนานหรือประมาทในเวลาที่ควรทำงาน เพราะผลของการเตรียมพร้อมจะทำให้เรารอดพ้นจากความลำบากในอนาคต

นิทาน ลิงได้แหวน : The story of the monkey getting the ring

ลิงได้แหวน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกลุ่มลิงอาศัยอยู่ในป่าลึก วันหนึ่ง ขณะที่ลิงตัวหนึ่งกำลังเดินเล่นตามปกติ มันได้พบแหวนทองคำวงหนึ่งตกอยู่บนพื้น แหวนวงนี้เป็นของมีค่า ลิงเห็นแสงวาววับของแหวนก็รู้สึกตื่นเต้นและคิดว่าแหวนนี้จะทำให้มันมีอำนาจและความสุข ลิงจึงสวมแหวนไว้ที่นิ้วและภูมิใจมาก เมื่อกลับไปถึงกลุ่มลิงเพื่อนๆ ต่างสนใจแหวนวงนี้ พากันชมเชยและแสดงความอิจฉา ลิงจึงคิดว่าแหวนทำให้มันเหนือกว่าลิงตัวอื่นๆ มันเริ่มแสดงความหยิ่งยโส คุยโวและใช้แหวนเป็นเครื่องหมายของความเป็นผู้นำ ลิงมัวแต่สนใจแหวนทองคำและไม่ใส่ใจสิ่งอื่นๆ มันเอาแต่หมุนแหวนเล่นจนสุดท้ายแหวนหลุดจากนิ้วและกลิ้งตกลงไปในแม่น้ำ ลิงพยายามลงไปตามหาแหวนในน้ำ แต่ไม่สามารถหาเจอ ลิงเสียใจมาก และตระหนักได้ว่าความสุขและคุณค่าของตนเองไม่ได้อยู่ที่สิ่งของภายนอกหรือแหวนทองคำ แต่เป็นสิ่งที่อยู่ภายในตัวของมันเอง ข้อคิด:นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การยึดติดกับสิ่งของภายนอกหรือสิ่งที่ดูมีคุณค่าอย่างชั่วคราวนั้นไม่ทำให้เรามีความสุขอย่างแท้จริง คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่สิ่งของที่ครอบครอง แต่เป็นความดีและความจริงใจที่มีอยู่ในตัวเราเอง

นิทาน เต่ากับกระต่าย

เต่ากับกระต่าย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในป่าใหญ่ มีกระต่ายตัวหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว กระต่ายนั้นมักจะเยาะเย้ยสัตว์อื่นๆ ว่าไม่มีใครสามารถวิ่งเร็วได้เท่าตน วันหนึ่ง กระต่ายได้พบกับเต่าที่เดินอย่างช้าๆ กระต่ายหัวเราะเยาะเต่าและพูดว่า “เจ้าช่างช้าเสียจริง ข้าแค่กระโดดนิดเดียวก็ไปไกลกว่าเจ้าหลายเท่า” เต่าแม้จะเดินช้า แต่ก็ไม่ท้อถอย มันตอบกลับกระต่ายว่า “บางครั้ง ความเร็วไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดหรอก ความสม่ำเสมอต่างหากที่ทำให้ถึงเป้าหมายได้” กระต่ายหัวเราะเยาะและท้าทายเต่าว่า “ถ้าเจ้าเชื่ออย่างนั้นจริงๆ มาลองวิ่งแข่งกันดีกว่า แล้วจะได้เห็นว่าใครถึงเส้นชัยก่อน!” เต่ารับคำท้าด้วยความสงบและไม่ลังเล วันต่อมา สัตว์ป่าได้มาชุมนุมกันเพื่อเป็นพยานในการแข่งขัน กระต่ายมั่นใจว่ามันจะชนะการแข่งขันโดยง่าย เมื่อสัญญาณเริ่มการแข่งขันดังขึ้น กระต่ายก็พุ่งออกตัวไปด้วยความเร็วสูง ทิ้งเต่าไว้ไกลด้านหลัง กระต่ายวิ่งไปจนเหนื่อยและรู้สึกว่ามันวิ่งไปไกลมากจนเต่าไม่มีทางตามทันได้ มันจึงหยุดพักใต้ต้นไม้และหลับสนิทไปด้วยความประมาท ในขณะนั้น เต่าก็เดินไปอย่างช้าๆ แต่สม่ำเสมอ ไม่หยุดพักและไม่ย่อท้อ เวลาผ่านไป กระทั่งเต่าเดินมาถึงจุดที่กระต่ายนอนหลับอยู่ และมันก็เดินผ่านกระต่ายไปโดยไม่หยุดพัก กระต่ายตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้ถึงเส้นชัย และเห็นว่าเต่าใกล้จะถึงเส้นชัยแล้ว กระต่ายจึงรีบวิ่งตามไปด้วยความเร็วเต็มที่ แต่มันสายเกินไป เต่าก็ถึงเส้นชัยก่อนและชนะการแข่งขันไปในที่สุด…

การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Upper Secondary Education)

การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Upper Secondary Education)

การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ครอบคลุมการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนอายุประมาณ 16-18 ปี หรือระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 (ม.4-ม.6) ในช่วงนี้ นักเรียนจะได้รับการศึกษาในวิชาที่ลึกซึ้งและเฉพาะทางมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความสนใจและเป้าหมายทางการศึกษาและอาชีพในอนาคต นอกจากนี้ การศึกษาระดับนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแนวคิด ความสามารถ และความมั่นใจในตัวเองของนักเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาหรือการเข้าสู่ตลาดแรงงาน วัตถุประสงค์ของการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมีวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนานักเรียนทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และทัศนคติ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นและการประกอบอาชีพในอนาคต ดังนี้: หลักสูตรและการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลักสูตรในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมีความหลากหลายและครอบคลุมสาขาวิชาต่างๆ เพื่อให้นักเรียนได้เลือกเรียนตามความสนใจและความสามารถ หลักสูตรแบ่งออกเป็นสายการเรียนหลักๆ เช่น สายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ สายศิลป์-ภาษา สายศิลป์-คำนวณ และสายอาชีวศึกษา โดยแต่ละสายจะมีวิชาเฉพาะที่เน้นการพัฒนาทักษะและความรู้ในสาขานั้นๆ การสอนในระดับนี้เน้นการเรียนรู้เชิงลึกและการประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง นักเรียนจะได้ทำโครงการ การวิจัย การนำเสนอ และการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ซึ่งจะช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาและการทำงานในสายวิชาชีพ การประเมินผลและการเตรียมตัวสำหรับอนาคต การประเมินผลในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมุ่งเน้นการติดตามและประเมินความสามารถทางวิชาการและทักษะต่างๆ ของนักเรียน…

การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Lower Secondary Education)

การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Lower Secondary Education)

การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ครอบคลุมการเรียนการสอนสำหรับเด็กอายุประมาณ 12-15 ปี หรือในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 (ม.1-ม.3) การศึกษานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่เด็กจะได้รับการพัฒนาทางด้านวิชาการที่ลึกซึ้งขึ้น และเริ่มต้นสำรวจความสนใจเฉพาะทางที่อาจนำไปสู่การเลือกสาขาอาชีพในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่เด็กต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพและจิตใจ เนื่องจากการเข้าสู่วัยรุ่น การศึกษาระดับนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการเตรียมความพร้อมทั้งด้านวิชาการและชีวิตส่วนตัว วัตถุประสงค์ของการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นมีวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาเด็กทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และคุณธรรม เพื่อให้เด็กมีความพร้อมในการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นและการดำเนินชีวิต ดังนี้: หลักสูตรและการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หลักสูตรในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นมีการออกแบบให้ครอบคลุมหลากหลายวิชา โดยเน้นทั้งวิชาหลักที่จำเป็น เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ รวมถึงวิชาเสริมที่ช่วยพัฒนาเด็กในด้านต่างๆ เช่น การงานอาชีพ ศิลปะ ดนตรี พลศึกษา และวิชาเลือกตามความสนใจ การสอนในระดับนี้เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการ (Integrated Learning) และการประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง โดยใช้การเรียนการสอนที่กระตุ้นการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานเป็นทีม…

การศึกษาระดับประถมศึกษา (Primary Education)

การศึกษาระดับประถมศึกษา (Primary Education)

การศึกษาระดับประถมศึกษา คือขั้นตอนสำคัญในการศึกษาที่ครอบคลุมเด็กอายุประมาณ 6-12 ปี หรือชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 การศึกษานี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างพื้นฐานทางด้านวิชาการ ทักษะชีวิต และการพัฒนาตัวตนของเด็ก เป็นช่วงที่เด็กได้รับการเสริมสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตและการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น วัตถุประสงค์ของการศึกษาระดับประถมศึกษา การศึกษาระดับประถมศึกษามุ่งเน้นการพัฒนาเด็กในหลากหลายด้าน โดยมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้: หลักสูตรและการเรียนการสอนในระดับประถมศึกษา หลักสูตรในระดับประถมศึกษามีความหลากหลายและครอบคลุมวิชาพื้นฐานที่จำเป็น เช่น ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังมีวิชาที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านศิลปะ การดนตรี การพลศึกษา และการงานอาชีพ หลักสูตรเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาที่สมดุลและครบถ้วนในทุกด้าน การสอนในระดับประถมศึกษามักใช้วิธีการเรียนรู้แบบบูรณาการ (Integrated Learning) ซึ่งเชื่อมโยงความรู้จากหลายวิชาเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ที่น่าสนใจและทันสมัย การประเมินผลและความสำเร็จของเด็ก ในระดับประถมศึกษา การประเมินผลการเรียนรู้ของเด็กจะเน้นการติดตามและประเมินผลตามความสามารถของแต่ละบุคคล ครูจะใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย เช่น การสอบ การประเมินจากผลงาน…

การศึกษาปฐมวัย (Early Childhood Education)

การศึกษาปฐมวัย

การศึกษาปฐมวัย คือขั้นตอนแรกของการศึกษาที่เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงวัยแรกเกิดจนถึงประมาณ 6 ปี เป็นช่วงที่เด็กมีการพัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาอย่างรวดเร็ว การศึกษาปฐมวัยจึงเป็นการวางรากฐานที่สำคัญสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่างๆ ในอนาคต วัตถุประสงค์ของการศึกษาปฐมวัย การศึกษาปฐมวัยมีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมและพัฒนาเด็กในทุกด้าน เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการที่สมบูรณ์และมีความพร้อมสำหรับการศึกษาขั้นต่อไป ดังนี้: การจัดการศึกษาปฐมวัย การศึกษาปฐมวัยในประเทศไทยได้รับการดูแลและจัดการโดยหน่วยงานต่างๆ รวมถึงสถานศึกษาในระดับปฐมวัย อาทิ ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล และหน่วยงานชุมชนต่างๆ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กแต่ละวัย โดยมุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่นและกิจกรรมที่สนุกสนาน ครูผู้สอนในระดับปฐมวัยมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการพัฒนาเด็ก ครูจะเป็นผู้แนะนำและกระตุ้นให้เด็กได้สำรวจและค้นพบความสนใจของตนเอง รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและไว้วางใจระหว่างครูและเด็ก การสนับสนุนและการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาปฐมวัย โดยการสนับสนุนให้เด็กได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะต่างๆ ทั้งที่บ้านและในชุมชน การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง เช่น การอ่านหนังสือกับเด็ก การเล่นร่วมกัน หรือการพาเด็กไปสำรวจสถานที่ต่างๆ จะช่วยให้เด็กมีประสบการณ์ที่หลากหลายและเติบโตอย่างสมบูรณ์

การศึกษาเบื้องต้น (Basic Education)

การศึกษาเบื้องต้น (Basic Education)

การศึกษาเบื้องต้น (Basic Education) การศึกษาเบื้องต้น หมายถึงกระบวนการทางการศึกษาที่เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงวัยเด็กไปจนถึงช่วงวัยรุ่นตอนต้น โดยครอบคลุมระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กได้รับความรู้และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต และเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น ความสำคัญของการศึกษาเบื้องต้น การศึกษาเบื้องต้นมีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เด็กจะได้รับการพัฒนาทางด้านสติปัญญา สังคม อารมณ์ และร่างกาย การเรียนรู้ในช่วงนี้จะช่วยให้เด็กมีพื้นฐานที่แข็งแรงในการพัฒนาทักษะต่างๆ ที่จะนำไปใช้ในการเรียนรู้เพิ่มเติมและการใช้ชีวิตในอนาคต องค์ประกอบของการศึกษาเบื้องต้น การศึกษาเบื้องต้นมักแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ตามอายุและพัฒนาการของเด็ก ได้แก่ วัตถุประสงค์ของการศึกษาเบื้องต้น การศึกษาเบื้องต้นมุ่งหวังให้เด็กได้รับการพัฒนาทั้งในด้านสติปัญญาและด้านจริยธรรม โดยมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้: การจัดการศึกษาเบื้องต้นในประเทศไทย ในประเทศไทย การศึกษาเบื้องต้นได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาล รัฐบาลได้กำหนดให้การศึกษาเบื้องต้นเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กทุกคน เด็กไทยทุกคนต้องได้รับการศึกษาเบื้องต้นอย่างน้อย 9 ปี ซึ่งประกอบด้วยการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น รัฐบาลยังมีนโยบายให้การศึกษาฟรีสำหรับเด็กไทยทุกคน และมีการสนับสนุนด้านสื่อการเรียนการสอน รวมถึงการฝึกอบรมครูเพื่อให้มีความรู้และทักษะที่เพียงพอในการสอน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยี