Tag นิทาน

นิทานนำเสนอเรื่องราวที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และบทเรียนชีวิต นิทานเหล่านี้มักเป็นเรื่องเล่าโบราณหรือสมัยใหม่ที่มีทั้งการผจญภัย ตัวละครที่หลากหลาย และข้อคิดที่ลึกซึ้ง นอกจากจะทำให้คุณเพลิดเพลินแล้ว ยังช่วยสอนคุณค่าทางจริยธรรมและความรู้สึกของมนุษย์ผ่านเรื่องราวที่น่าสนใจและมีความหมา

นิทาน หมาป่ากับแกะ : The story of the wolf and the sheep

หมาป่ากับแกะ

ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่มีฝูงแกะอาศัยอยู่พร้อมกับสุนัขเลี้ยงแกะที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด วันหนึ่ง หมาป่าตัวหนึ่งเดินผ่านมาทางทุ่งหญ้า มันเห็นฝูงแกะกำลังกินหญ้าอย่างสงบสุข หมาป่าจึงคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ล่าแกะสักตัวเพื่อประทังความหิว หมาป่าจึงค่อยๆ แอบเข้าไปใกล้ฝูงแกะ แต่ไม่ทันไร สุนัขเลี้ยงแกะก็สังเกตเห็นหมาป่า มันเห่าดังลั่นและวิ่งเข้ามาไล่หมาป่า หมาป่าตกใจและวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ละความพยายาม มันจึงคิดแผนใหม่ วันรุ่งขึ้น หมาป่าปลอมตัวเป็นแกะ มันคลุกตัวลงในดินโคลนและหญ้า ทำให้ขนของมันดูเหมือนขนแกะ เมื่อมันกลับมาที่ทุ่งหญ้า สุนัขเลี้ยงแกะไม่สามารถแยกแยะหมาป่าจากแกะได้ หมาป่าจึงสามารถเข้ามาใกล้ฝูงแกะได้อย่างง่ายดาย เมื่อเวลากลางคืนมาถึง และสุนัขเลี้ยงแกะหลับไป หมาป่าที่ปลอมตัวเป็นแกะจึงเริ่มเลือกเหยื่อของมัน แต่มันไม่รู้ว่าแกะตัวหนึ่งได้สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ แกะตัวนั้นจึงปลุกเพื่อนๆ และพวกมันก็พากันวิ่งหนี เมื่อหมาป่ารู้ว่ามันถูกจับได้ มันจึงถอดหน้ากากแกะออกและพยายามล่าแกะ แต่มันก็ช้าไปแล้ว แกะทั้งหมดหนีไปยังที่ปลอดภัย หมาป่าต้องกลับไปอย่างหมดหวัง ไม่มีแกะตัวไหนที่มันสามารถล่าได้ ในขณะที่สุนัขเลี้ยงแกะตื่นขึ้นและเห็นหมาป่ากำลังเดินจากไป มันจึงเห่าไล่หมาป่าจนลับสายตาไป คติสอนใจ นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า “การแอบแฝงและหลอกลวงอาจดูเหมือนจะสำเร็จในตอนแรก แต่ความจริงก็ย่อมปรากฏในที่สุด และผู้ที่คิดร้ายมักจะต้องเผชิญกับความล้มเหลว”

นิทาน วัวกับล้อเกวียน : The story of the ox and the cart wheel

วัวกับล้อเกวียน

กาลครั้งหนึ่ง ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีวัวตัวหนึ่งที่ทำงานหนักในการลากเกวียนที่เต็มไปด้วยของหนักทุกวัน วัวตัวนี้ทำงานอย่างตั้งใจและไม่เคยบ่นเลย วันหนึ่ง ล้อเกวียนพูดคุยกับวัวขณะพักหลังจากการทำงานหนัก ว่า “เจ้าทำงานหนักมากทุกวัน ส่วนข้าก็เพียงแค่หมุนไปมาในทิศทางที่เจ้าลาก แต่เจ้าทำงานหนักเสมอ ข้าคิดว่าเป็นข้าที่สำคัญมากกว่าเจ้า” วัวฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจและถามว่า “ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนั้น? ข้าคือผู้ลากเกวียนและพาหนะไปข้างหน้า ข้าต้องใช้แรงงานหนักทุกวัน ข้าไม่เห็นว่าการหมุนของเจ้านั้นจะสำคัญมากขนาดนั้น” ล้อเกวียนตอบว่า “ข้าคิดว่าการหมุนของข้าคือสิ่งที่ทำให้เกวียนเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น ข้าคือส่วนที่สำคัญในการทำให้การเดินทางของเจ้าเป็นไปอย่างราบรื่นและง่ายดาย” วัวตอบกลับว่า “ข้ารู้ว่าการหมุนของเจ้าเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของเกวียน แต่การที่ข้าต้องลากเกวียนและทำงานหนักนั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ข้าคิดว่าเราเป็นทีมที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้ทุกอย่างเดินไปได้” ล้อเกวียนเริ่มเข้าใจว่าทั้งสองมีบทบาทที่สำคัญในงานนั้น และการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นเป็นต้นมา วัวและล้อเกวียนเรียนรู้ที่จะเคารพในความสำคัญของหน้าที่ของกันและกัน และทำงานร่วมกันอย่างกลมเกลียว บทเรียนจากนิทานนี้: ทุกส่วนของงานมีความสำคัญในบทบาทของมัน การทำงานร่วมกันและการเคารพในบทบาทของผู้อื่นสามารถทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นิทาน ไก่กับพระอาทิตย์ : The story of the chicken and the sun

ไก่กับพระอาทิตย์

กาลครั้งหนึ่ง ในหมู่บ้านเล็กๆ มีไก่ตัวหนึ่งที่มีความรับผิดชอบในการปลุกชาวบ้านให้ตื่นแต่เช้า ไก่ตัวนี้มีนิสัยที่ขยันขันแข็งมากและทำงานอย่างสม่ำเสมอทุกเช้า ด้วยเสียงขันที่ดังและร่าเริง ทำให้ชาวบ้านเริ่มวันใหม่ได้อย่างสดใส วันหนึ่ง พระอาทิตย์ได้พบกับไก่และรู้สึกประหลาดใจที่เห็นไก่ทำงานอย่างหนักทุกวัน พระอาทิตย์จึงถามไก่ว่า “เจ้าทำงานอย่างนี้ทุกวันทำไม? พอถึงเวลาเช้า ข้าจะขึ้นฟ้าสูงและทำให้วันใหม่เริ่มต้น เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญในการทำให้วันเริ่มต้นอย่างไร?” ไก่ตอบด้วยความมั่นใจว่า “ข้ารู้ว่าพระอาทิตย์มีบทบาทในการทำให้วันใหม่เริ่มต้น แต่ข้าทำงานอย่างนี้เพราะรู้ว่าการทำงานอย่างขยันขันแข็งช่วยให้ชาวบ้านเริ่มวันใหม่ได้อย่างมีความสุขและพร้อมสู้กับวันใหม่” พระอาทิตย์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประทับใจและกล่าวว่า “ขอขอบคุณเจ้าที่ทำให้วันใหม่เริ่มต้นได้อย่างดี ข้าหลายครั้งอาจจะคิดว่าข้าคือผู้สำคัญ แต่เจ้าก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การทำงานอย่างสม่ำเสมอและขยันขันแข็งนั้นมีคุณค่าและสำคัญเช่นกัน” ตั้งแต่นั้นมา พระอาทิตย์และไก่ได้เคารพซึ่งกันและกัน และไก่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ เพราะรู้ว่าแม้แต่การทำงานเล็กๆ น้อยๆ ก็มีความสำคัญและสามารถทำให้ชีวิตของผู้อื่นดีขึ้นได้ บทเรียนจากนิทานนี้: ความขยันขันแข็งและการทำงานอย่างสม่ำเสมอนั้นมีความสำคัญไม่แพ้กันกับความสามารถหรือความยิ่งใหญ่ของผู้อื่น การทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดสามารถสร้างผลดีและช่วยให้ผู้อื่นมีชีวิตที่ดีขึ้น

นิทาน มดกับตั๊กแตน : The story of the ant and the grasshopper

มดกับตั๊กแตน

ในฤดูร้อนที่มีความอบอุ่นและสดใส มดตัวหนึ่งและตั๊กแตนตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้า ตลอดทั้งวัน ตั๊กแตนจะร้องเพลงและเต้นรำอย่างสนุกสนาน โดยไม่คิดถึงอนาคต ในขณะที่มดทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมตัวสำหรับฤดูหนาว มดทำงานอย่างขยันขันแข็งตลอดทั้งฤดูร้อน มันเก็บอาหารอย่างต่อเนื่องและจัดเก็บสิ่งของต่างๆ ไว้ในรังของมัน เพื่อให้มีอาหารเพียงพอในฤดูหนาว ขณะที่ตั๊กแตนมักจะมองมดด้วยความขบขันและพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงทำงานหนักอย่างนี้? ชีวิตมีความสนุกมากมายที่ต้องทำ เราควรใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน” มดเพียงแค่ยิ้มและตอบว่า “การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ ฉันต้องทำงานหนักตอนนี้เพื่อให้มีอาหารเพียงพอในฤดูหนาว” ฤดูร้อนผ่านไปและฤดูหนาวมาถึง ตั๊กแตนพบว่ามันไม่มีอาหารและเริ่มรู้สึกหิวโหย มันไปหามดและขอความช่วยเหลือ โดยบอกว่า “กรุณาช่วยฉันด้วย ฉันไม่มีอาหารและไม่สามารถหามันได้” มดเห็นสถานการณ์ของตั๊กแตนและรู้สึกเห็นใจ มันตัดสินใจแบ่งปันอาหารที่มันเก็บสะสมไว้ แม้ว่าไม่สามารถให้ตั๊กแตนทั้งหมดได้ แต่มันก็ยินดีที่จะช่วยเหลือในวิธีที่มันทำได้ ตั๊กแตนรู้สึกขอบคุณมากและได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญเกี่ยวกับความสำคัญของการเตรียมตัวและการทำงานหนัก มันตระหนักว่าความสนุกสนานในปัจจุบันไม่ควรทำให้เราลืมถึงการเตรียมตัวสำหรับอนาคต หลังจากนั้น ตั๊กแตนพยายามทำงานหนักและเตรียมตัวล่วงหน้าในฤดูร้อนถัดไป เพื่อไม่ให้ต้องเผชิญกับความลำบากในฤดูหนาวอีก บทเรียนจากนิทาน: นิทานนี้สอนให้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมตัวสำหรับอนาคตและการทำงานหนัก แม้ว่าความสนุกสนานในปัจจุบันจะมีความสำคัญ แต่การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความท้าทายในอนาคตเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความอยู่รอดและความสุขในระยะยาว

นิทาน กระต่ายกับเต่า : The story of the rabbit and the turtle

กระต่ายกับเต่า

ในป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของสัตว์ มีการจัดแข่งขันวิ่งที่ทุกสัตว์ต่างรอคอย วันหนึ่ง กระต่ายตัวหนึ่งและเต่าตัวหนึ่งตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขัน กระต่ายรู้ว่าตัวเองเร็วและมีความมั่นใจมาก ในขณะที่เต่ามีความช้าแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ เมื่อการแข่งขันเริ่มต้น กระต่ายวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วและทิ้งเต่าห่างออกไปอย่างรวดเร็ว กระต่ายรู้สึกว่ามันได้เปรียบอย่างมากและจึงตัดสินใจหยุดพักข้างทางเพื่อพักผ่อนและแสดงความเหนือกว่า ในขณะเดียวกัน เต่าตัวเล็กที่วิ่งอย่างช้า ๆ และมั่นคง ไม่หยุดพักและไม่หันกลับไป มันมุ่งมั่นในการวิ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้จะช้ากว่ากระต่ายมาก หลังจากที่กระต่ายพักผ่อนและหลับไป เต่าก็ยังคงวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อกระต่ายตื่นขึ้นอีกครั้ง มันเห็นว่าเต่าอยู่ใกล้จะถึงเส้นชัยแล้ว และตระหนักว่ามันอาจจะไม่สามารถชนะการแข่งขันได้ กระต่ายพยายามวิ่งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ แต่เมื่อมันถึงเส้นชัย มันพบว่าเต่าได้เข้าถึงเส้นชัยก่อนมันแล้ว เต่าชนะการแข่งขันและได้รับการยกย่องจากสัตว์อื่น ๆ ในป่า กระต่ายรู้สึกผิดหวังและเรียนรู้บทเรียนที่สำคัญเกี่ยวกับความมั่นใจเกินไปและการไม่ควรประมาทในความสามารถของตน ในขณะที่เต่ารู้สึกพอใจและภาคภูมิใจในความพยายามและความตั้งใจของมัน บทเรียนจากนิทาน: นิทานนี้สอนให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานอย่างสม่ำเสมอและความตั้งใจ แม้ว่าเราจะมีความเร็วหรือความสามารถที่มากกว่าคนอื่น การทำงานอย่างมั่นคงและไม่ประมาทจะนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด

นิทาน สิงโต แพะ และอีแร้ง : The story of the lion, the goat and the vulture

ในป่าใหญ่ที่เขียวขจี มีสิงโตตัวหนึ่งที่เป็นราชาแห่งป่า ด้วยขนาดและความแข็งแกร่งของมัน มันมีอำนาจมากมายและสามารถคุ้มครองป่าได้อย่างดี วันหนึ่ง สิงโตออกไปล่าหาอาหารและพบว่าไม่มีสัตว์อื่น ๆ อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ในขณะเดียวกัน แพะตัวหนึ่งได้หลงทางจากฝูงของมันและมาอยู่ในบริเวณที่ไม่คุ้นเคย ขณะที่แพะเดินไปเรื่อยๆ มันพบอีแร้งที่นั่งอยู่บนต้นไม้ และแพะรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นสิงโตใกล้เข้ามา แพะเริ่มตกใจและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อเอาชีวิตรอด ในขณะที่อีแร้งเริ่มคิดวิธีที่จะช่วยแพะและตนเองไปด้วย มันคิดว่าจะใช้ความรู้ในการหาอาหารและความรู้เกี่ยวกับสิงโตเพื่อหาทางออกจากสถานการณ์นี้ สิงโตเดินไปที่แพะและเตรียมที่จะโจมตี แพะร้องขอชีวิตโดยกล่าวว่า “กรุณาอย่าทำร้ายฉัน ฉันเป็นเพียงแพะตัวเล็ก ๆ ที่หลงทาง ถ้าท่านปล่อยฉันไป ฉันสัญญาว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก” อีแร้งเห็นว่าสิงโตกำลังลังเลจึงเข้าไปพูดกับมัน “ท่านราชสีห์ ถ้าท่านปล่อยแพะไป มันอาจเป็นประโยชน์ในการหาสิ่งที่มีคุณค่าในพื้นที่นี้ มันสามารถช่วยค้นหาสิ่งที่ท่านต้องการได้” สิงโตหยุดคิดและเริ่มพิจารณาคำพูดของอีแร้ง มันตระหนักว่าการปล่อยแพะไปอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และแพะก็ไม่เป็นอันตรายมากเมื่อเปรียบเทียบกับการค้นหาหาอาหารอื่น ๆ สิงโตจึงตัดสินใจปล่อยแพะไป แพะขอบคุณสิงโตและอีแร้งอย่างมากที่ช่วยชีวิตมัน ในขณะที่อีแร้งรู้สึกดีที่สามารถใช้ความฉลาดและกลยุทธ์ในการช่วยเหลือทั้งตัวเองและแพะ สถานการณ์นี้ช่วยให้แพะและอีแร้งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สิงโตเรียนรู้ว่าการใช้ความคิดและการพิจารณาเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าพละกำลัง และการช่วยเหลือผู้อื่นอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์และผลลัพธ์ที่ดี บทเรียนจากนิทาน:…

นิทาน หมาป่ากับลูกแกะ : The story of the wolf and the lamb

หมาป่ากับลูกแกะ

ในทุ่งหญ้าสีเขียวที่มีความสงบสุขและลมพัดเย็นสบาย มีหมาป่าตัวหนึ่งที่กำลังเดินตามริมแม่น้ำ มันเป็นวันที่มีแดดอ่อน ๆ และหมาป่ากำลังมองหาอาหารเพื่อเติมพลังให้กับตัวเอง ในขณะที่หมาป่ากำลังเดินไปเรื่อย ๆ มันเห็นลูกแกะตัวเล็กน่ารักนั่งอยู่ริมแม่น้ำ ลูกแกะกำลังดื่มน้ำจากแม่น้ำอย่างสงบและไม่รู้ตัวว่ามีหมาป่าซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ หมาป่าคิดว่าเป็นโอกาสดีในการล่าอาหาร เพราะลูกแกะตัวเล็กเป็นเหยื่อที่ง่าย หมาป่าค่อยๆ เข้ามาใกล้และคิดว่าจะหาวิธีหลอกลวงลูกแกะเพื่อให้มันเข้าไปในอันตราย ในขณะนั้น หมาป่าพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “สวัสดี เจ้าตัวเล็ก ทำไมเจ้าถึงมานั่งอยู่ที่นี่เพียงลำพัง? เจ้ารู้หรือไม่ว่าน้ำที่เจ้าดื่มอาจเป็นอันตราย?” ลูกแกะยิ้มและตอบอย่างเรียบง่ายว่า “น้ำนี้สะอาดค่ะ ฉันดื่มมาไม่นานแล้ว ไม่มีอะไรที่น่ากังวลเลย” หมาป่าพยายามหาข้ออ้างเพื่อทำให้ลูกแกะรู้สึกผิดและตกใจ มันพูดต่อไปว่า “ไม่ใช่แค่นั้น ข้าก็ไม่พอใจที่เจ้าทำให้ข้าต้องหิวมากขึ้นอีก เจ้าคิดว่าข้าจะต้องจัดการกับเจ้าที่ทำให้ข้าหงุดหงิด” ลูกแกะเริ่มรู้สึกสับสนและวิตกกังวล มันพยายามหาคำตอบเพื่อทำให้หมาป่าหายโกรธ โดยกล่าวว่า “ข้าไม่เคยทำอะไรที่ทำให้เจ้าหงุดหงิด ข้าเพียงแค่มาดื่มน้ำจากแม่น้ำ และไม่เคยทำอะไรผิดกับเจ้าหรือใครอื่น” หมาป่าพยายามจะสร้างเหตุผลเพื่อทำร้ายลูกแกะ แต่มันเริ่มรู้สึกว่าไม่มีข้ออ้างที่ดีพอในการโจมตีลูกแกะ หมาป่าพบว่ามันพยายามหลอกลวงลูกแกะเพื่อให้ตกอยู่ในอันตราย แม้ว่าไม่มีเหตุผลที่ดีพอที่จะทำร้ายมัน หมาป่าจึงเริ่มรู้สึกละอายใจและตัดสินใจเดินจากไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ทำร้ายลูกแกะ…

นิทาน ราชสีห์ หมีและหมาป่า : The story of the lion, bear and wolf

ราชสีห์ หมีและหมาป่า

ครั้งหนึ่งในป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย มีราชสีห์ที่เป็นราชาแห่งป่า หมีที่มีพละกำลัง และหมาป่าที่มีความฉลาด วันหนึ่ง ราชสีห์ได้เรียกประชุมสัตว์ทั้งสามเพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดการปัญหาสัตว์ที่สร้างความวุ่นวายในป่า ราชสีห์พูดขึ้นว่า “เราต้องร่วมมือกันเพื่อจัดการกับปัญหานี้ แต่เราต้องมีกลยุทธ์ที่ดีและทุกคนต้องช่วยกัน” หมีเสนอให้ใช้กำลังในการจัดการกับสัตว์ที่ก่อปัญหา หมาป่าคิดว่าเราอาจใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนและฉลาดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ขณะที่ราชสีห์ไม่แน่ใจว่าจะเลือกวิธีใดดี ราชสีห์ตัดสินใจที่จะลองใช้วิธีของหมีและหมาป่าในการจัดการกับปัญหา แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลหรือไม่ วันหนึ่ง สัตว์ที่ก่อปัญหาทำให้เกิดความยุ่งเหยิงในป่า ราชสีห์ จึงสั่งให้หมีใช้กำลังในการจัดการและหมาป่าใช้กลยุทธ์ในการวางแผนเพื่อจับสัตว์ที่ก่อปัญหา หมีใช้กำลังที่มีเพื่อข่มขู่และจัดการกับสัตว์ที่ก่อปัญหา ส่วนหมาป่าก็ใช้กลยุทธ์ที่ฉลาดในการล่อสัตว์ออกจากที่หลบซ่อน ทำให้สามารถจับสัตว์ที่ก่อปัญหาได้สำเร็จ หลังจากการจัดการเสร็จสิ้น ราชสีห์รู้สึกขอบคุณหมีและหมาป่าสำหรับความร่วมมือที่ดี และตระหนักว่าการใช้กำลังควบคู่กับการวางแผนที่ฉลาดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา เรื่องราวนี้ทำให้ราชสีห์เรียนรู้ถึงความสำคัญของการใช้ทั้งพละกำลังและกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหา และการทำงานร่วมกันสามารถนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ บทเรียนจากนิทาน: นิทานนี้สอนให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันและการใช้ทั้งพละกำลังและกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหา การรวมกันของความสามารถที่แตกต่างสามารถช่วยให้บรรลุผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้

นิทาน วัวกับไก่ : The story of the cow and the chicken

วัวกับไก่

ในฟาร์มที่มีความสงบสุขและอุดมสมบูรณ์ มีวัวกับไก่เป็นเพื่อนกัน วัวเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่และมีความอดทน ขณะที่ไก่เป็นสัตว์ตัวเล็กที่มักทำหน้าที่เป็นผู้เฝ้าระวัง วันหนึ่ง วัวและไก่ได้ออกไปทำงานที่ฟาร์มร่วมกัน วัวช่วยในการลากเกวียนและทำงานหนัก ขณะที่ไก่ดูแลฟาร์มและหาอาหาร วัวมักรู้สึกว่าตนเองทำงานหนักมากและมีความรู้สึกว่าไก่ไม่ทำงานหนักเท่าไหร่ วัวจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดคุยกับไก่และทำงานอย่างเงียบ ๆ ไก่เริ่มรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ จึงตัดสินใจถามวัวเกี่ยวกับความรู้สึกของมัน วัวบอกว่า “ฉันรู้สึกว่าฉันทำงานหนักเกินไป และเห็นว่าเธอไม่ได้ช่วยงานหนักเท่าฉัน” ไก่ได้อธิบายว่า แม้ว่าไก่จะไม่สามารถทำงานหนักเหมือนวัวได้ แต่ไก่ก็มีบทบาทที่สำคัญในการดูแลฟาร์มและทำงานในวิธีของตนเอง ไก่มีบทบาทในการหาพื้นที่ให้ปลอดภัยจากศัตรูและทำให้ฟาร์มมีความสงบสุข วัวเริ่มเข้าใจว่าทุกสัตว์มีบทบาทและความสำคัญที่แตกต่างกันในการทำงานร่วมกัน และทั้งสองจึงเริ่มเห็นค่าของการทำงานร่วมกันและความสำคัญของการสนับสนุนซึ่งกันและกัน บทเรียนจากนิทาน: นิทานนี้สอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของการเข้าใจและชื่นชมบทบาทและความพยายามของผู้อื่น การทำงานร่วมกันและการให้ความสำคัญกับบทบาทของแต่ละคนสามารถช่วยให้ทุกคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น