ทักษะการอ่าน

การพัฒนาทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจและการวิเคราะห์อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการอ่าน

การอ่านเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญในการเรียนรู้และการดำเนินชีวิต การพัฒนาทักษะการอ่านที่ดีจะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูล ความรู้ และความบันเทิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เว็บไซต์นี้จะแนะนำทักษะการอ่านที่สำคัญ 5 ประการ ที่จะช่วยยกระดับความสามารถในการอ่านของคุณ

อ่านออกเสียงร้อยแก้วและร้อยกรองได้ถูกต้อง

การอ่านออกเสียงที่ถูกต้องช่วยให้เข้าใจความหมายและอารมณ์ของบทความได้ดียิ่งขึ้น

อ่านในใจเพื่อจับใจความสำคัญและรายละเอียด

การอ่านในใจอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้เราสามารถเข้าใจเนื้อหาและจดจำข้อมูลสำคัญได้

วิเคราะห์สิ่งที่อ่าน

การวิเคราะห์ความคิดหลักและความคิดเห็นของผู้เขียนช่วยให้เราเข้าใจบทความได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

อ่านแผนภูมิ ตาราง แผนที่ง่าย ๆ

การอ่านข้อมูลที่นำเสนอในรูปแบบกราฟิกช่วยให้เราเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น

อ่านเพื่อเปรียบเทียบ/วิเคราะห์ข้อมูล

การเปรียบเทียบและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล

รายละเอียดทักษะการอ่าน

อ่านออกเสียงร้อยแก้วและร้อยกรองได้ถูกต้อง

หลักการอ่านออกเสียง

  • อ่านให้ถูกต้องตามอักขรวิธี ออกเสียงควบกล้ำ ร ล และคำควบกล้ำให้ชัดเจน
  • อ่านให้ถูกต้องตามวรรคตอน เว้นวรรคให้ถูกต้อง
  • ใช้น้ำเสียงที่เหมาะสมกับเนื้อหา เช่น เศร้า สนุกสนาน หรือตื่นเต้น
  • อ่านด้วยความเร็วที่เหมาะสม ไม่เร็วหรือช้าเกินไป

การอ่านร้อยแก้ว

ร้อยแก้วคือข้อความที่เขียนเป็นความเรียง ไม่มีการบังคับฉันทลักษณ์ การอ่านร้อยแก้วควรคำนึงถึง:

  • อ่านให้ถูกต้องตามเครื่องหมายวรรคตอน
  • เน้นคำสำคัญเพื่อสื่อความหมาย
  • ปรับน้ำเสียงให้เหมาะสมกับเนื้อหา

การอ่านร้อยกรอง

ร้อยกรองคือข้อความที่แต่งขึ้นโดยมีการบังคับฉันทลักษณ์ เช่น กลอน โคลง ฉันท์ กาพย์ การอ่านร้อยกรองควรคำนึงถึง:

  • อ่านให้ถูกต้องตามจังหวะ เอก โท ตรี จัตวา
  • เว้นวรรคตามฉันทลักษณ์
  • อ่านให้ไพเราะ มีทำนองเหมาะสมกับประเภทของร้อยกรอง
  • แสดงอารมณ์ให้สอดคล้องกับเนื้อหา

อ่านในใจเพื่อจับใจความสำคัญและรายละเอียด

หลักการอ่านจับใจความ

การอ่านจับใจความเป็นการอ่านเพื่อเข้าใจสาระสำคัญของเรื่องที่อ่าน โดยมีหลักการดังนี้:

  • อ่านเรื่องทั้งหมดอย่างคร่าว ๆ เพื่อให้รู้ว่าเรื่องนั้นกล่าวถึงอะไร
  • อ่านซ้ำอย่างละเอียดเพื่อจับใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้า
  • พิจารณาว่าแต่ละย่อหน้ามีประเด็นสำคัญอะไร
  • สรุปใจความสำคัญของเรื่องทั้งหมด

การจับใจความสำคัญ

ใจความสำคัญคือข้อความที่เป็นแก่นของเรื่อง มักพบได้ในตำแหน่งต่าง ๆ ดังนี้:

  • ต้นย่อหน้า (นิยมมากที่สุด)
  • ท้ายย่อหน้า
  • ตอนกลางของย่อหน้า
  • ต้นและท้ายย่อหน้า
  • กระจายอยู่ทั่วทั้งย่อหน้า

เทคนิคการจดบันทึก

การจดบันทึกช่วยให้จดจำและเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น:

  • ใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของเนื้อหา
  • จดบันทึกแบบ Cornell Notes โดยแบ่งหน้ากระดาษเป็น 3 ส่วน
  • ใช้สัญลักษณ์หรือรหัสส่วนตัวเพื่อช่วยในการจดจำ
  • สรุปเนื้อหาด้วยคำพูดของตนเอง

วิเคราะห์สิ่งที่อ่าน

การวิเคราะห์ความคิดหลัก

ความคิดหลักคือแนวคิดสำคัญที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอ การวิเคราะห์ความคิดหลักมีแนวทางดังนี้:

  • พิจารณาว่าผู้เขียนต้องการสื่อสารอะไรเป็นหลัก
  • สังเกตคำหรือข้อความที่ผู้เขียนเน้นย้ำหรือกล่าวถึงบ่อย ๆ
  • พิจารณาความสัมพันธ์ของเนื้อหาในแต่ละส่วน
  • สรุปแนวคิดสำคัญที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง

การวิเคราะห์ความคิดเห็นของผู้เขียน

การวิเคราะห์ความคิดเห็นของผู้เขียนช่วยให้เข้าใจทัศนคติและมุมมองของผู้เขียน:

  • สังเกตการใช้ภาษาที่แสดงความรู้สึกหรือทัศนคติ
  • พิจารณาการเลือกใช้คำและน้ำเสียงในการเขียน
  • วิเคราะห์ว่าผู้เขียนมีอคติหรือไม่
  • พิจารณาว่าผู้เขียนนำเสนอข้อมูลครบถ้วนรอบด้านหรือไม่

การแยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น

การแยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นเป็นทักษะสำคัญในการวิเคราะห์สิ่งที่อ่าน:

  • ข้อเท็จจริง: เป็นข้อมูลที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง
  • ข้อคิดเห็น: เป็นความคิด ความเชื่อ หรือการตัดสินของผู้เขียน
  • สังเกตคำที่บ่งชี้ความคิดเห็น เช่น น่าจะ ควรจะ อาจจะ ดีที่สุด เป็นต้น
  • ตรวจสอบว่าข้อมูลนั้นสามารถพิสูจน์ได้หรือไม่

อ่านแผนภูมิ ตาราง แผนที่ง่าย ๆ แล้วตอบคำถาม

การอ่านแผนภูมิ

แผนภูมิเป็นการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบกราฟิก การอ่านแผนภูมิมีหลักการดังนี้:

  • อ่านชื่อแผนภูมิเพื่อทราบว่าแผนภูมินั้นนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับอะไร
  • ศึกษาคำอธิบายแกนต่าง ๆ ว่าแต่ละแกนแทนข้อมูลอะไร
  • สังเกตหน่วยที่ใช้ในการวัด
  • วิเคราะห์แนวโน้มหรือรูปแบบของข้อมูล
  • เปรียบเทียบข้อมูลในแต่ละส่วนของแผนภูมิ

การอ่านตาราง

ตารางเป็นการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบแถวและคอลัมน์ การอ่านตารางมีหลักการดังนี้:

  • อ่านชื่อตารางเพื่อทราบว่าตารางนั้นนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับอะไร
  • ศึกษาหัวข้อของแถวและคอลัมน์
  • อ่านข้อมูลในแต่ละช่องของตาราง
  • เปรียบเทียบข้อมูลในแต่ละแถวหรือคอลัมน์
  • สรุปข้อมูลที่สำคัญจากตาราง

การอ่านแผนที่

แผนที่เป็นการนำเสนอข้อมูลทางภูมิศาสตร์ การอ่านแผนที่มีหลักการดังนี้:

  • ศึกษาชื่อแผนที่เพื่อทราบว่าแผนที่นั้นแสดงข้อมูลเกี่ยวกับอะไร
  • ดูคำอธิบายสัญลักษณ์ (Legend) เพื่อเข้าใจความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ
  • สังเกตทิศทางบนแผนที่ (มักมีเข็มทิศหรือลูกศรชี้ทิศเหนือ)
  • ดูมาตราส่วนเพื่อเข้าใจระยะทางจริง
  • อ่านข้อมูลที่ปรากฏบนแผนที่ เช่น ชื่อสถานที่ เส้นทาง

อ่านเพื่อเปรียบเทียบ/วิเคราะห์ข้อมูล

การเปรียบเทียบข้อมูล

การเปรียบเทียบข้อมูลช่วยให้เห็นความเหมือนและความแตกต่างของข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ:

  • กำหนดประเด็นหรือหัวข้อที่ต้องการเปรียบเทียบ
  • รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือ
  • จัดระเบียบข้อมูลตามประเด็นที่ต้องการเปรียบเทียบ
  • วิเคราะห์ความเหมือนและความแตกต่างของข้อมูล
  • สรุปผลการเปรียบเทียบ

การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของข้อมูล

การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของข้อมูลช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล:

  • พิจารณาแหล่งที่มาของข้อมูล (ผู้เขียน สำนักพิมพ์ เว็บไซต์)
  • ตรวจสอบความทันสมัยของข้อมูล (วันที่เผยแพร่)
  • พิจารณาวัตถุประสงค์ของผู้เขียน (ให้ข้อมูล โน้มน้าว โฆษณา)
  • ตรวจสอบความสอดคล้องกับแหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  • พิจารณาว่ามีการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลหรือไม่

การสังเคราะห์ข้อมูล

การสังเคราะห์ข้อมูลเป็นการนำข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มาผสมผสานเพื่อสร้างความรู้ใหม่:

  • รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • จัดกลุ่มข้อมูลตามประเด็นหรือหัวข้อ
  • วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลในแต่ละกลุ่ม
  • เชื่อมโยงข้อมูลเพื่อสร้างข้อสรุปใหม่
  • นำเสนอข้อสรุปที่ได้จากการสังเคราะห์

แบบฝึกหัดทักษะการอ่าน

ลองทำแบบฝึกหัดต่อไปนี้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านของคุณ

แบบฝึกหัดที่ 1: การอ่านจับใจความ

การอ่านเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยพัฒนาความรู้และความคิด ผู้ที่อ่านมากย่อมมีความรู้กว้างขวาง สามารถนำความรู้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตและการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การอ่านยังช่วยพัฒนาความคิด จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีเหตุผล ดังนั้น เราควรฝึกฝนการอ่านอย่างสม่ำเสมอเพื่อพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รอบรู้และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

จงตอบคำถามต่อไปนี้:

1. ใจความสำคัญของข้อความนี้คืออะไร?

แบบฝึกหัดที่ 2: การวิเคราะห์แผนภูมิ

จำนวนนักท่องเที่ยวในจังหวัดต่าง ๆ (หน่วย: พันคน)

เชียงใหม่

1,500

ภูเก็ต

2,000

กระบี่

1,000

ชลบุรี

1,800

สุราษฎร์ธานี

1,200

จงตอบคำถามต่อไปนี้:

1. จังหวัดใดมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุด?

2. จังหวัดเชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวมากกว่าจังหวัดกระบี่กี่พันคน?