หลักภาษาไทย

เรียนรู้หลักการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง

ความสำคัญของหลักภาษาไทย

ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ การเรียนรู้หลักภาษาไทยช่วยให้เราสามารถสื่อสารได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เว็บไซต์นี้รวบรวมความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักภาษาไทยที่ควรทราบ

ชนิดของคำเพิ่มเติม

คำบุพบท คำสันธาน และคำอุทาน

โครงสร้างประโยค

ประโยคบอกเล่า คำถาม ปฏิเสธ และอื่นๆ

การสร้างคำ

คำซ้อน คำประสม คำซ้ำ และคำสนธิ

คำราชาศัพท์

คำราชาศัพท์เบื้องต้นและคำสุภาพ

ชนิดของคำเพิ่มเติม

คำบุพบท

คำบุพบท คือ คำที่ใช้นำหน้าคำนามหรือคำสรรพนาม เพื่อบอกตำแหน่ง ทิศทาง เวลา หรือความสัมพันธ์ต่างๆ

ตัวอย่างคำบุพบท

  • บุพบทบอกสถานที่: ใน บน ใต้ เหนือ หน้า หลัง นอก
  • บุพบทบอกเวลา: เมื่อ ตั้งแต่ จนกระทั่ง ระหว่าง
  • บุพบทบอกความสัมพันธ์: กับ แก่ แด่ โดย ด้วย สำหรับ

คำสันธาน

คำสันธาน คือ คำที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคเข้าด้วยกัน เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อความ

ประเภทของคำสันธาน

  • สันธานเชื่อมความคล้อยตามกัน: และ กับ รวมทั้ง ตลอดจน
  • สันธานเชื่อมความขัดแย้ง: แต่ แต่ว่า ทว่า กระนั้น
  • สันธานเชื่อมความให้เลือก: หรือ มิฉะนั้น ไม่เช่นนั้น
  • สันธานเชื่อมความเป็นเหตุเป็นผล: เพราะ เพราะว่า เนื่องจาก ดังนั้น

คำอุทาน

คำอุทาน คือ คำที่เปล่งออกมาเพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ โดยไม่มีความหมายเฉพาะเจาะจง

ตัวอย่างคำอุทาน

  • อุทานแสดงความดีใจ: ไชโย ว้าว เย้
  • อุทานแสดงความเสียใจ: อนิจจา โธ่เอ๋ย
  • อุทานแสดงความประหลาดใจ: อ้าว เอ๊ะ หา อุ๊ย
  • อุทานแสดงความเจ็บปวด: โอ๊ย อุ๊ย อ๊าก
  • อุทานเลียนเสียงธรรมชาติ: ตูม ปัง ฉึ่ง

โครงสร้างประโยค

ประโยคบอกเล่า

ประโยคบอกเล่า คือ ประโยคที่กล่าวถึงข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่างๆ

ตัวอย่าง:

  • ฉันกำลังอ่านหนังสือ
  • เขาเป็นนักเรียน
  • พวกเราไปเที่ยวทะเลเมื่อวานนี้

ประโยคคำถาม

ประโยคคำถาม คือ ประโยคที่ใช้เพื่อถามข้อมูลหรือความคิดเห็น มักลงท้ายด้วยเครื่องหมายคำถาม

ตัวอย่าง:

  • คุณชื่ออะไร
  • เธอจะไปไหน
  • ทำไมเขาถึงไม่มาโรงเรียน
  • คุณชอบอาหารจานนี้ไหม

ประโยคปฏิเสธ

ประโยคปฏิเสธ คือ ประโยคที่แสดงการปฏิเสธหรือไม่ยอมรับ มักมีคำว่า "ไม่" หรือ "มิได้" ประกอบ

ตัวอย่าง:

  • ฉันไม่ชอบกินผัก
  • เขาไม่ได้มาโรงเรียนวันนี้
  • พวกเราไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศ

ประโยคคำสั่ง

ประโยคคำสั่ง คือ ประโยคที่แสดงการสั่ง ขอร้อง หรือแนะนำให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ตัวอย่าง:

  • ปิดประตูด้วย
  • กรุณาเงียบ
  • อย่าเล่นในห้องเรียน
  • ช่วยส่งเกลือให้หน่อย

ประโยคความรวม

ประโยคความรวม คือ ประโยคที่นำประโยคความเดียวตั้งแต่ 2 ประโยคขึ้นไปมาเชื่อมกันด้วยคำสันธาน

ตัวอย่าง:

  • พ่อไปตลาด และ แม่ทำกับข้าว
  • ฉันอยากไปเที่ยว แต่ ฝนตกหนัก
  • เธอต้องตั้งใจเรียน มิฉะนั้น จะสอบไม่ผ่าน

ประโยคความซ้อน

ประโยคความซ้อน คือ ประโยคที่มีประโยคย่อยมาขยายส่วนใดส่วนหนึ่งของประโยคหลัก

ตัวอย่าง:

  • คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น(ประโยคย่อย) เป็นครูของฉัน
  • ฉันรู้ว่าเขากำลังโกหก(ประโยคย่อย)
  • เมื่อฝนหยุดตก(ประโยคย่อย) พวกเราจึงออกไปเล่นข้างนอก

ประโยคความซ้อนความรวม

ประโยคความซ้อนความรวม คือ ประโยคที่มีทั้งลักษณะของประโยคความซ้อนและประโยคความรวมอยู่ด้วยกัน

ตัวอย่าง:

  • ฉันเห็นว่าเขากำลังวิ่ง(ประโยคซ้อน) และกำลังตะโกนเรียกเพื่อน(ประโยครวม)
  • เมื่อฝนตก(ประโยคซ้อน) ฉันจึงเปิดร่ม แต่ลมแรงมากจนร่มพลิก(ประโยครวม)

การสร้างคำ

คำซ้อน

คำซ้อน คือ คำที่เกิดจากการนำคำที่มีความหมายเหมือนกัน คล้ายกัน หรือเกี่ยวข้องกันมาซ้อนกัน เพื่อให้มีความหมายชัดเจนหรือเน้นย้ำยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง:

  • บ้านเรือน (บ้าน + เรือน)
  • เสื่อสาด (เสื่อ + สาด)
  • ผู้คน (ผู้ + คน)
  • ถ้วยชาม (ถ้วย + ชาม)
  • เดินทาง (เดิน + ทาง)

คำประสม

คำประสม คือ คำที่เกิดจากการนำคำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปมารวมกัน แล้วเกิดความหมายใหม่

ตัวอย่าง:

  • ตู้เย็น (ตู้ + เย็น)
  • น้ำตา (น้ำ + ตา)
  • ลูกเสือ (ลูก + เสือ)
  • แม่บ้าน (แม่ + บ้าน)
  • รถไฟ (รถ + ไฟ)

คำซ้ำ

คำซ้ำ คือ คำที่เกิดจากการนำคำคำเดียวกันมาซ้ำกัน เพื่อเปลี่ยนความหมายหรือเน้นย้ำ

ตัวอย่าง:

  • เด็กๆ (หมายถึง เด็กหลายคน)
  • บ่อยๆ (หมายถึง หลายครั้ง)
  • ช้าๆ (หมายถึง อย่างช้า)
  • แดงๆ (หมายถึง สีแดงไม่เข้ม)
  • นิดๆ หน่อยๆ (หมายถึง จำนวนเล็กน้อย)

คำสนธิ

คำสนธิ คือ คำที่เกิดจากการนำคำตั้งแต่ 2 คำมาเชื่อมกัน โดยมีการเปลี่ยนแปลงเสียงบางส่วน

ตัวอย่าง:

  • ราชการ (ราช + การ)
  • ราโชวาท (ราช + โอวาท)
  • มหาลัย (มหา + วิทยาลัย)
  • ทิพากร (ทิพย์ + อากร)
  • มโนรมย์ (มโน + รมณ์)

การใช้เครื่องหมายวรรคตอน

เครื่องหมายวรรคตอนช่วยให้การอ่านและการเขียนมีความชัดเจน ถูกต้อง และเข้าใจง่ายขึ้น

เครื่องหมายมหัพภาค (.)

ใช้เมื่อจบประโยคหรือข้อความ

ตัวอย่าง: ฉันชอบอ่านหนังสือ.

เครื่องหมายจุลภาค (,)

ใช้คั่นคำหรือข้อความที่เรียงต่อกัน

ตัวอย่าง: ฉันซื้อแอปเปิล, ส้ม, และกล้วย

เครื่องหมายอัญประกาศ ("...")

ใช้สำหรับคำพูดหรือข้อความที่ยกมา

ตัวอย่าง: เขาพูดว่า "ฉันจะไปโรงเรียน"

เครื่องหมายปรัศนี (?)

ใช้เมื่อจบประโยคคำถาม

ตัวอย่าง: คุณชื่ออะไร?

เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!)

ใช้แสดงความตกใจ ประหลาดใจ หรือเน้นย้ำ

ตัวอย่าง: ช่วยด้วย! ไฟไหม้!

เครื่องหมายไปยาลน้อย (ฯ)

ใช้ละคำหรือข้อความที่รู้กันอยู่แล้ว

ตัวอย่าง: กรุงเทพฯ (กรุงเทพมหานคร)

คำราชาศัพท์และคำสุภาพ

คำราชาศัพท์เบื้องต้น

คำราชาศัพท์ คือ คำที่ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์ และพระสงฆ์ เพื่อแสดงความเคารพ

คำสามัญ คำราชาศัพท์ ใช้สำหรับ
กิน เสวย พระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์
นอน บรรทม พระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์
พูด ตรัส พระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์
ไป เสด็จ พระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์
ให้ พระราชทาน พระมหากษัตริย์
ฉัน ข้าพระพุทธเจ้า สำหรับบุคคลทั่วไปกราบบังคมทูล

คำสุภาพในบริบทต่างๆ

คำสุภาพ คือ คำที่ใช้ในการสื่อสารอย่างสุภาพกับบุคคลทั่วไป เพื่อแสดงความเคารพและมารยาท

คำสรรพนามสุภาพ

  • ผม (สำหรับผู้ชายพูดถึงตัวเอง)
  • ดิฉัน (สำหรับผู้หญิงพูดถึงตัวเอง)
  • ท่าน (สำหรับเรียกผู้ที่เราให้ความเคารพ)
  • คุณ (สำหรับเรียกบุคคลทั่วไปอย่างสุภาพ)

คำกริยาสุภาพ

  • รับประทาน (แทนคำว่า กิน)
  • จำวัด (แทนคำว่า นอน สำหรับพระสงฆ์)
  • ขอประทานโทษ (แทนคำว่า ขอโทษ)
  • ขอความกรุณา (แทนคำว่า ขอ)

คำลงท้ายสุภาพ

  • ครับ (สำหรับผู้ชาย)
  • ค่ะ (สำหรับผู้หญิง)
  • นะครับ/นะคะ (เพื่อขอความเห็นใจ)
  • ขอรับ (สำหรับผู้ชายในภาษาทางการ)

ตัวอย่างประโยคสุภาพ

  • ขอโทษครับ/ค่ะ ขอถามทางหน่อยได้ไหมครับ/คะ
  • ขอบคุณมากครับ/ค่ะ ที่ช่วยเหลือ
  • ขออนุญาตนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ/คะ
  • กรุณารอสักครู่นะครับ/คะ

แบบทดสอบความเข้าใจ

ทดสอบความรู้เกี่ยวกับหลักภาษาไทยของคุณด้วยแบบทดสอบสั้นๆ นี้

1. คำใดเป็นคำบุพบท?